เมนู

124. อรรถกถาคันโธทกิยเถราปทาน


อปทานของท่านพระคันโธทถิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า นิสชฺช
ปาสาทวเร
ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระพุทธเจ้า
พระองค์ก่อน ๆ ทุก ๆ ภพนั้นจะสั่งสมแต่บุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระ-
นิพพาน ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ท่าน
ได้เกิดในตระกูลเศรษฐี บรรลุนิติภาวะแล้ว มีทรัพย์มากมาย มีโภคสมบัติ
มากมาย เสวยความสุขในโลกมนุษย์ คล้ายกับเสวยความสุขอันเป็นทิพย์
ฉะนั้น วันหนึ่งนั่งอยู่ในปราสาทอันประเสริฐ. ในกาลนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้า เสด็จดำเนินไปตามถนน คล้ายกับเสด็จดำเนินไปบนภูเขา
ทองลูกใหญ่ฉะนั้น เขาได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสด็จดำเนินไปนั้นแล้ว
มีใจเลื่อมใส เข้าไปถวายบังคมแล้ว ประคองน้ำหอมอย่างดี ประพรม
บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบุญนั้น เขาได้ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและ
มนุษยโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ เขาได้เกิดในเรือนอันมีสกุลแห่งหนึ่ง
บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ติดใจในทางฆราวาส ได้บวชในสำนักของพระ-
ศาสดา เรียนกัมมัฏฐาน เจริญวิปัสสนาไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์.
ในกาลต่อมา ท่านระลึกถึงกุศลกรรมในครั้งก่อนของตนได้ เกิด
ความโสมนัส เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วใน
กาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า นิสชฺช ปาสาทวเร ดังนี้. บรรดาบท
เหล่านั้น บทว่า ปาสาโท มีวิเคราะห์ว่า ชื่อว่า ปราสาท เพราะให้
ความเลื่อมใส คือความดีใจเกิดขึ้น คืออุบัติขึ้น, อธิบายว่า ทำความ

เลื่อมใสให้บังเกิดขึ้นแก่มวลชน ผู้เข้าไปเห็นความวิจิตรต่าง ๆ เช่น
มาลากรรม จิตรกรรม และสุวรรณกรรม เป็นต้น ในปราสาทนั้น.
ปราสาทด้วย ความประเสริฐ เพราะอรรถว่า อันบุคคลพึงปรารถนานั้น
ด้วย รวมเรียกว่า ปาสาทวระ, เชื่อมความว่า เรานั่งอยู่ในปราสาทอัน
ประเสริฐนั้น ได้เห็นพระชินวรพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี. คำที่เหลือ
ในที่ทุกแห่งมีเนื้อความง่ายทั้งนั้น.
จบอรรถกถาคันโธทกิยเถราปทาน

สัมมุขาถวิกเถราปทานที่ 5 (125)


ว่าด้วยผลแห่งการชมเชยพระพุทธเจ้า


[127] เมื่อพระวิปัสสีโพธิสัตว์ประสูติ เราได้พยากรณ์นิมิตว่า
จักยังหมู่ชนให้ดับทุกข์ จักเป็นพระพุทธเจ้าในโลก.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ หมื่นโลกธาตุ
ย่อมหวั่นไหว บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็น
ศาสดาผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ ได้มีแสงสว่าง
อันไพบูลย์ บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ แม่น้ำทั้งหลาย
ไม่ไหล บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นศาสดาผู้มี
พระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ ไฟในอเวจีนรก
ไม่ลุกโพลง บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ หมู่นกไม่
สัญจรไป บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ ลมย่อมไม่พัด
ฟุ้งไป บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.